ถ้าเครียดก็ลองหาของอร่อยกินนะ! ถือเป็นคำพูดที่ได้ยินกันบ่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงชีวิตที่มีความสับสน วุ่นวาย และเต็มไปด้วยปัญหา การได้กินของอร่อยสำหรับบางคนถือว่าเป็นความสุขเล็กๆ ที่จะทำให้กลับมารับมือกับปัญหาต่างๆ เลยก็ว่าได้ แต่รู้หรือไม่ว่าของอร่อยก็สามารถทำร้ายฟันของเราได้ เพราะของอร่อยโดยเฉพาะอาหารที่มีความหวานมักตามมาด้วยอันตรายบางอย่าง ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม
อาหารทำร้ายฟัน
มีอาหารหลายประเภทที่อร่อยแต่สามารถทำร้ายฟันของเราได้ จึงไม่ควรที่จะกินบ่อยเกินไป และจะต้องทำความสะอาดฟันทุกวันอย่างถูกวิธี ซึ่งประเภทของอาหารที่ทำร้ายฟัน ได้แก่
1. ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว
เนื่องจากผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวจะมีค่าความเป็นกรดที่ค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะเป็น มะเฟือง มะยม มะนาว มะขาม สับปะรด หรือตะลิงปลิง เป็นต้น ซึ่งกรดที่อยู่ในผลไม้เหล่านี้จะทำให้เกิดความระคายเคืองที่เนื้อเยื่อในช่องปาก และจะกัดกร่อนชั้นผิวเคลือบฟันที่ปกป้องเนื้อฟัน
2. น้ำอัดลมและน้ำหวาน
การดื่มน้ำอัดลมหรือน้ำหวาน แม้จะช่วยให้ร่างกายสดชื่น แต่เป็นเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเยอะ และน้ำตาลจะทำให้เกิดคราบพลัคได้ง่าย และในน้ำอัดลมมีฤทธิ์ที่จะเข้าไปกัดกร่อนผิวเคลือบฟัน ซึ่งเป็นต้นเหตุทำให้ฟันสึกกร่อนอีกด้วย
3. ไอศกรีมและขนมหวาน
ไอศกรีม ขนมหวาน ลูกอม และลูกกวาดเป็นอาหารที่กินแล้วรู้สึกสดชื่น และทำให้อารมณ์ดีขึ้นได้ แต่ก็เป็นอาหารที่มีน้ำตาลเยอะเช่นเดียวกัน โดยที่น้ำตาลจะเข้าไปทำปฏิกิริยากับแบคทีเรียในช่องปาก และส่งผลให้เกิดคราบพลัคบนผิวฟันนั่นเอง
4. ชาและกาแฟ
การดื่มชาและกาแฟเป็นประจำทุกวันมีความเสี่ยงต่อการเกิดฟันผุได้ เพราะมีสารเทนนินที่มีฤทธิ์กัดกร่อนผิวฟัน ซึ่งจะทำให้ฟันสึกกร่อนง่าย และยังเป็นต้นเหตุที่ทำให้ฟันเหลืองอีกด้วย
5. ผลไม้อบแห้ง
เนื่องจากผลไม้อบแห้งมีความแข็งและเหนียว แถมยังมีส่วนประกอบของน้ำตาลสูง มีความเสี่ยงต่อฟันผุได้ จึงไม่ควรกินบ่อยเกินไป และเมื่อกินเสร็จแล้วควรจะแปรงฟันให้สะอาด เพื่อไม่ให้มีเศษผลไม้อบแห้งติดที่อยู่ซอกฟัน
อาหารที่ไม่ทำร้ายฟัน
การกินอาหารที่ดีและมีประโยชน์ส่งผลให้มีสุขภาพช่องปากที่ดีได้ด้วย ซึ่งอาหารที่ดีต่อสุขภาพฟัน ได้แก่
- อาหารที่มีเส้นใยสูง ในผักและผลไม้ เช่น มะเขือเทศ แตงกวา ชมพู่ เป็นต้น
- อาหารที่มีแคลเซียมและฟอสฟอรัส เช่น เต้าหู้ งา ไข่ นม ผักใบเขียว หรืออาหารทะเล
- แป้งจำพวกคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น โฮลวีท ผักและผลไม้ หรือธัญพืชไม่ขัดสี ซึ่งไฟเบอร์มีส่วนช่วยในการลดการเกิดฟันผุและคราบหินปูนได้
- ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ เพื่อลดการสะสมของคราบจุลินทรีย์ในช่องปาก
(อ่านเพิ่มเติม: อาหาร ช่วยให้ฟันแข็งแรง ดูแลเหงือกและฟันให้แข็งแรงได้จริง)
ทำไมไม่ควรกินอาหารร้อนหรือเย็นจัด
โดยปกติแล้วอุณหภูมิของอาหาร ไม่ว่าจะร้อนหรือเย็น ไม่ได้มีผลต่อปัญหาสุชภาพช่องปาก ฟัน และเหงือก แต่อาหารที่ร้อนหรือเย็นจัดเกินไปอาจจะทำให้เกิดอาการเสียวฟันหรือปวดฟันได้ การกินอาหารที่พอดี ไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไปจึงจะส่งผลดีต่อฟันมากที่สุด
ดูแลสุขภาพฟันอย่างไรดี
นอกจากการลดและเลี่ยงการกินอาหารที่จะทำร้ายฟันแล้ว การดูแลสุขภาพฟันอย่างสม่ำเสมอก็มีความสำคัญมากเช่นเดียวกัน ซึ่งจะสามารถทำได้ดังนี้
แปรงฟันอย่างถูกวิธี
การแปรงฟันให้ถูกต้องและถูกวิธีจะช่วยรักษาสุขภาพฟันได้ เพราะจะสามารถกำจัดเศษอาหารและคราบแบคทีเรียที่ติดอยู่ตามซอกฟันออกจนหมด นอกจากนี้ควรจะใช้น้ำยาบ้วนปากและไหมขัดฟันร่วมด้วย เพื่อการทำความสะอาดอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
พบทันตแพทย์
โดยปกติแล้วควรจะพบทันตแพทย์ทุก 6 เดือนเพื่อตรวจสุขภาพ แต่หากใครที่มีปัญหาสุขภาพช่องปากและฟันก็ควรที่จะพบทันตแพทย์อย่างน้อยทุก 3 เดือน นอกจากนี้ยังต้องเลือกคลินิกทันตกรรมที่สะอาด ได้มาตรฐาน เครื่องมือทันตกรรมที่ทันสมัย รวมไปถึงทันตแพทย์ที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์อีกด้วย
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยง
มีหลายพฤติกรรมที่อาจจะทำเป็นปกติในชีวิตที่ส่งผลเสียต่อฟัน และอาจทำให้เกิดปัญหาฟันตามาได้ ไม่ว่าจะเป็น การนอนกัดฟัน การเดินทางและการเล่นกีฬาที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุและการปะทะ เช่น การปั่นจักรยาน การใช้สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าหรือสเก็ตบอร์ด การเล่นบาสเกตบอล ฟุตบอล และว่ายน้ำ เป็นต้น
บทสรุป
แม้ว่าอาหารหลายประเภทจะทำร้ายฟัน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นอาหารที่อร่อย และช่วยเยียวยาจิตใจได้มากเลยทีเดียว และแน่นอนว่าการหยุดกินอาหารเหล่านี้หรือหลีกเลี่ยงการกินโดยเด็ดขาดนั้นเป็นเรื่องที่ยาก และอาจทำให้สูญเสียความสุขเล็กๆ ในชีวิตไปได้ ดังนั้น การดูแลสุขภาพช่องปากและฟันให้ดีอยู่เสมอจึงมีความสำคัญ และอาหารเหล่านี้ก็สามารถกินเพื่อเป็นรางวัลให้กับตัวเองนานๆ ครั้งได้
และถ้าหากคุณต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาทันตกรรมต่างๆ สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่คลินิกทันตกรรมสุขสันต์สไมล์ เพื่อรับคำปรึกษาต่างๆ จากทันแพทย์ที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ พร้อมบริการด้านทันตกรรมต่างๆ เช่น ขูดหินปูน จัดฟัน อุดฟัน เป็นต้น