ขั้นตอนการจัดฟันมีอะไรบ้าง? ยุ่งยากหรือไม่ มาดูกัน

การจัดฟัน เป็นวิธีการรักษาปัญหาฟันที่มีความครอบคลุมอย่างมาก เพราะสามารถแก้ปัญหาฟันได้ทั้ง ฟันซ้อน ฟันห่าง หรือฟันเหยิน ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ถือว่าเป็นวิธีการรักษาที่มีขั้นตอนและวิธีการที่ค่อนข้างเยอะ การทำความรู้จักกับขั้นตอนต่างๆ ทั้งการเตรียมตัว การจัดฟัน และการดูแลหลังจากการจัดฟันจึงมีความสำคัญอย่างมาก

ข้อควรรู้ก่อนจัดฟัน

เริ่มจัดฟันได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่

การจัดฟันสำหรับผู้ที่มีปัญหาฟันสามารถทำได้ตั้งแต่ช่วงวัยเด็ก ซึ่งอายุที่เหมาะสมสำหรับการเริ่มจัดฟัน คือ ช่วงที่ฟันน้ำนมหลุดออกหมดและฟันแท้ขึ้นมาครบแล้ว ประมาณอายุ 12-15 ปี นอกจากนี้ยังถือว่าเป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างใบหน้ามากที่สุด ทำให้ฟันสามารถเคลื่อนที่ได้ง่ายไปด้วยนั่นเอง

ปัญหาฟันแบบไหนที่ควรจัดฟัน

ฟันเก ฟันห่าง ฟันยื่น หรือฟันเรียงตัวไม่เป็นระเบียบอย่างสวยงาม และส่งผลต่อเคี้ยวอาหาร ไม่สามารถเคี้ยวอาหารได้อย่างละเอียด
ฟันซ้อนเก ทําให้แปรงฟันหรือทําความสะอาดยาก ซึ่งอาขทำให้เกิดปัญหาฟันผุและเหงือกอักเสบตามมาได้ง่าย
ขากรรไกรผิดรูปหรือฟันเทจากพฤติกรรมบางอย่าง เช่น การดูดนิ้ว หรือการกลืนที่ผิดปกติ
ฟันล้มเอียงหรือฟันห่างจากกัน ซึ่งอาจเกิดจากการถอนฟัน และไม่ได้ใส่ฟันปลอมนานจนเกินไป

ระยะเวลาในการจัดฟัน

สำหรับใครที่สงสัยว่าการจัดฟันจะต้องใช้เวลาเท่าไหร่? แต่ละคนอาจจะมีระยะเวลาในการจัดฟันแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความซับซ้อนของปัญหาฟัน หรือรูปแบบการจัดฟันที่เลือกทำ ซึ่งปกติแล้วก็จะมีระยะเวลาตั้งแต่ 18 เดือนถึง 3 ปีเลยทีเดียว

หลังจัดฟัน กินอะไรได้บ้าง

หลังจากการจัดฟันควรจะกินอาหารที่เคี้ยวง่าย หลีกเลี่ยงอาหารที่แข็งและเหนียว เพราะอาจจะทำให้เครื่องมือจัดฟันเสียหายและจะทำให้รู้สึกปวดฟันได้ ซึ่งอาหารที่ควรกิน ได้แก่ โจ๊ก ข้าวต้ม ซุป หรือเนื้อสัตว์อ่อนๆ จะดีกว่า

การเตรียมตัวก่อนจัดฟัน

สำหรับการเตรียมตัวก่อนจัดฟัน สิ่งสำคัญคือจะต้องศึกษาข้อมูล รายละเอียดเกี่ยวกับการจัดฟันให้ดีก่อน เพราะการจัดฟันอาจใช้เวลานานหลายปี และหากมั่นใจแล้วก็เข้านัดพบทันตแพทย์ที่คลินิกทันตกรรมที่มีความน่าเชื่อถือและสามารถไว้วางใจได้ เพื่อให้ทันตแพทย์ทำการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด และวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม

ขั้นตอนการจัดฟัน

เมื่อได้ทำการพูดคุยและนัดเวลาเรียบร้อยแล้ว ในวันที่มาติดเครื่องมือ จะมีขั้นตอนดังนี้

ทันตแพทย์จะตรวจสุขภาพช่องปาก เพื่อตรวจสอบปัญหาในช่องปากอื่นๆ ก่อนจัดฟัน
ทำการพิมพ์ปากสำหรับทำแบบจำลองฟัน เพื่อดูโครงสร้างฟันและการสบฟัน และจะมีการเอกซเรย์ฟัน เพื่อดูลักษณะกระดูกขากรรไกรด้วย
เคลียร์ช่องปากให้เรียบร้อย เช่น การขูดหินปูน การอุดฟัน และการถอนฟันก่อนเริ่มจัดฟัน
จากนั้นจะเริ่มทำการติดเครื่องมือจัดฟัน ซึ่งความยากง่ายและขั้นตอนจะขึ้นอยู่กับรูปแบบของการจัดฟันที่เลือกทำ
ทันตแพทย์จะนัดเข้ามาเพื่อติดตามอาการและปรับเครื่องมือ ซึ่งการนัดหมายก็จะขึ้นอยู่กับรูปแบบของการจัดฟันด้วยเช่นกัน

(อ่านเพิ่มเติม: เปลี่ยนสียางจัดฟันตามสีมงคลประจำราศี ให้สวยรวยเฮง)

การดูแลหลังจัดฟัน

การดูแลรักษาและทำความสะอาดช่องปากหลังจากการจัดฟันเป็นสิ่งสำคัญ ควรที่จะแปรงฟันทุกครั้งหลังอาหาร ร่วมกับการใช้น้ำยาบ้วนปากและไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอ ที่สำคัญคือ จะต้องมาพบทันตแพทย์ตามนัดทุกครั้งและขูดหินปูนอย่างน้อยทุก 6 เดือน

ต้องใส่รีเทนเนอร์นานแค่ไหน

รีเทนเนอร์ ถือเป็นอุปกรณ์หรือเครื่องมือที่จะช่วยคงสภาพฟันหลังจากการจัดฟัน ไม่ให้กลับไปมีปัญหาอีก ซึ่งรีเทนเนอร์สามารถป้องกันฟันล้ม หรือฟันเคลื่อนตัวคืนกลับหลังจากการจัดฟันได้ จึงมีความจำเป็นจะต้องใส่รีเทนเนอร์ต่อเนื่องทันที โดยจะต้องใส่ตลอดทั้งวันในช่วงระยะเวลา 1 ปีแรก ยกเว้นตอนกินอาหาร แปรงฟัน หรือทำกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการถูกกระแทก หลังจากนั้นจะใส่เฉพาะตอนนอนต่ออย่างน้อยอีก 1 ปี หรืออาจจะต้องใส่ตลอดไป ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของทันตแพทย์

บทสรุป

การจัดฟันเป็นวิธีการรักษาและช่วยแก้ไขปัญหาฟันที่มีหลายขั้นตอน แต่หากเราได้ศึกษาข้อมูล รายละเอียด ขั้นตอนและวิธีการอย่างเข้าใจแล้ว การจัดฟันก็จะไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไป และหากใครที่กำลังสนใจและมองหาคลินิกทันตกรรมที่มีความน่าเชื่อถือ และสามารถไว้วางใจได้ อย่าลืมตรวจสอบคุณภาพของคลินิกก่อนตัดสินใจทุกครั้ง เพื่อการรักษาและดูแลฟันอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

และถ้าหากคุณกำลังมองหาคลินิกทันตกรรมสำหรับการจัดฟัน คลินิกทันตกรรมสุขสันต์สไมล์ ยินดีให้บริการ ที่นี่เรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่สูง พร้อมด้วยเครื่องมือทันตกรรมที่ทันสมัย พร้อมที่จะให้บริการสำหรับการจัดฟันในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น จัดฟันแบบโลหะ จัดฟันใส จัดฟันแบบเซรามิก เป็นต้น