logo

ความแตกต่างของทันตกรรมเด็กกับทันตกรรมผู้ใหญ่ ต่างกันอย่างไร

ความแตกต่างของทันตกรรมเด็กกับทันตกรรมผู้ใหญ่ ต่างกันอย่างไร

Table of Contents

การทำทันตกรรมสำหรับเด็กมีความแตกต่างจากทันตกรรมของผู้ใหญ่อยู่หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น รูปแบบของฟัน เนื่องจากเป็นฟันที่มีลักษณะและขนาดที่ต่างกัน หรือจะเป็นวิธีการรับมือที่ต้องใช้ความชำนาญและใช้หลักจิตวิทยาเข้ามาช่วยให้เด็กรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจได้มากกว่า ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากและจะต้องเลือกคลินิกทันตกรรมที่มีบริการทันตกรรมสำหรับเด็กโดยเฉพาะ หรือเลือกคลินิกที่มีหมอฟันเด็กจะดีกว่า

ทันตกรรมเด็ก vs ทันตกรรมผู้ใหญ่

หลายคนอาจจะมีข้อสงสัยว่าทำไมจะต้องแยกระหว่างทันตกรรมสำหรับเด็ก และทันตกรรมสำหรับผู้ใหญ่ ในเมื่อทั้งสองก็เป็นการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟัน เพื่อให้มีสุขอนามัยที่ดีและฟันมีอายุการใช้งานได้นานเช่นเดียวกัน แต่การทำทันตกรรมสำหรับเด็กนั้น จะต้องอาศัยความชำนาญและประสบการณ์ของทันตแพทย์ หรือเรียกได้ว่าเป็นทันตกรรมเฉพาะทาง โดยจะมีแบ่งการสาเหตุ ดังนี้

ทันตกรรมเด็ก vs ทันตกรรมผู้ใหญ่
  • เด็กยังมีระบบฟันที่ยังไม่สมบูรณ์แข็งแรงเท่ากับผู้ใหญ่
  • ฟันและขากรรไกรของเด็กยังอยู่ในช่วงการเจริญเติบโต
  • มีโอกาสฟันผุมากกว่าผู้ใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการเลือกทานอาหารและพฤติกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน
  • เด็กมีความสามารถในการควบคุมอารมณ์และการรับรู้ความเจ็บปวดที่ต่างจากผู้ใหญ่

ทันตแพทย์หรือหมอฟันที่จะทำการรักษาฟันผู้ใหญ่และเด็กจึงมีความแตกต่างกัน เพราะจำเป็นจะต้องมีความเข้าใจในธรรมชาติของเด็ก และมีวิธีรับมือกับอารมณ์ ความรู้สึกต่าง ๆ ของเด็กที่ควบคุมได้ยากกว่าผู้ใหญ่ การพาลูกไปตรวจสุขภาพช่องปากและฟัน หรือทำทันตกรรมใด ๆ ก็ตาม จึงต้องเลือกคลินิกทันตกรรมที่มีบริการสำหรับเด็กโดยเฉพาะ

เด็กควรพบหมอฟันตั้งเมื่อไหร่

การพาลูกไปพบหมอฟันสามารถทำได้ตั้งแต่ช่วงอายุประมาณ 6 เดือน หรือในช่วงที่ฟันน้ำนมซี่แรกเริ่มขึ้น  ผู้ปกครองควรให้ความสำคัญกับการดูแลฟันน้ำนมมากเป็นพิเศษ และการพาลูกไปพบหมอฟันตั้งแต่เด็กจะเป็นหนึ่งในวิธีการปลูกฝังทัศนคติที่ดีในการดูแลรักษาฟัน ซึ่งควรจะพาลูกไปตรวจฟันตามนัดของหมอฟันเป็นประจำอย่างน้อยทุก ๆ 6 เดือน แต่หากมีแนวโน้มที่จะมีปัญหาสุขภาพช่องปากและฟัน เช่น ฟันผุ หรือโรคเหงือก ควรจะพามาพบหมอฟันทุก ๆ 3 เดือน 

โดยทั่วไปแล้ว ทันตกรรมสำหรับเด็กจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ 

  1. ทันตกรรมเชิงป้องกัน เช่น การตรวจฟันผุ การรักษาฟันด้วยฟลูออไรด์ และการเคลือบหลุมร่องฟัน
  2. ทันตกรรมฟื้นฟู เช่น การอุดฟัน หรือการใส่ครอบฟัน
  3. การเติบโตและพัฒนาการของฟัน เช่น การกัดฟัน การสบฟัน ปัญหาฟันซ้อน และฟันเก

ทำฟันเด็กที่สุขสันต์สไมล์พลัส

แน่นอนว่าการเลือกทำฟันเด็กกับคลินิกทันตกรรมที่มีบริการสำหรับเด็กโดยเฉพาะ จะทำให้มั่นใจได้เลยว่าจะได้รับการดูแลและการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งที่ สุขสันต์สไมล์พลัส มีบริการทำฟันเด็ก โดยหมอฟันเด็กที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง และมีประสบการณ์ในการรักษาฟันเด็กมาเป็นเวลานาน 

หมอฟันเด็กของทางคลินิกจะมีความรู้ ความเข้าใจในธรรมชาติของเด็กแต่ละช่วงวัยเป็นอย่างดี และจะมีเทคนิคต่าง ๆ ในการรับมือกับเด็ก ได้แก่

  • สร้างความเข้าใจให้กับเด็กก่อนการรักษา
  • เน้นการสื่อสารที่เข้าใจง่าย ทั้งทางด้านเนื้อหา ภาษาที่ใช้ และน้ำเสียงที่นุ่มนวล
  • มีการใช้ของเล่นหรือรางวัล เพื่อให้เด็กมีความกระตือรือร้นในการรักษา
  • สร้างความสนุกสนานและความผ่อนคลายด้วยการเล่นบทบาทสมมติ
  • มีวิธีการชักจูงให้เด็กเข้ารับการตรวจได้อย่างสบายใจ และไม่รู้สึกหวาดกลัวหรือกังวล
  • ให้เด็กมีเวลาในการปรับตัว ไม่รีบเร่ง
  • ให้เด็กมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ เช่น การเลือกสีของอุปกรณ์เครื่องมือที่ใช้ในการรักษาหรือให้เลือกของเล่นที่ใช้ในระหว่างการรักษาได้ด้วยตัวเอง
  • รับฟังคำถาม ความกังวล และข้อเสนอของเด็ก
  • ให้พ่อแม่หรือผู้ปกครองอยู่ใกล้เคียง เพื่อให้เด็กรู้สึกมั่นใจและรับการสนับสนุน

บทสรุป

การเลือกคลินิกทันตกรรมที่มีบริการทำฟันเด็กโดยเฉพาะ สามารถช่วยให้ลูกของคุณมีทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับการทำฟันหรือการมาพบหมอฟันได้ เพราะความกลัวและความกังวลของเด็กเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อตัวเด็กได้โดยตรง และจะสามารถส่งผลไปในระยะยาวได้ ซึ่งหากว่าได้รับการรักษากับหมอฟันเด็กที่มีความเข้าใจและมีวิธีรับมือกับธรรมชาติของเด็กได้ดี จะทำให้ความกลัวและความกังวลเหล่านั้นน้อยลงได้

ทพ. ปุณณวิชช์ เจียมใจสว่างฤกษ์
ทพ. ปุณณวิชช์ เจียมใจสว่างฤกษ์

ผู้เชี่ยวชาญด้าน ทันตกรรมประดิษฐ์ ทันตกรรมรากเทียม จัดฟันใส จัดฟันโลหะ วีเนียร์เซรามิก และเป็นผู้บริหารคลินิก SuksanSmilePlus

Share This Post

Share on facebook
Share on linkedin
Share on twitter
Share on email
Related Post: