การทำรากฟันเทียม เป็นทางเลือกของผู้ที่มีปัญหาสุขภาพช่องปากและฟัน เพราะการสูญเสียฟันแท้ตามธรรมชาติไป ส่งผลกระทบต่อชีวิตเรามากกว่าที่คิด หลายคนที่เคยมั่นใจกับการยิ้มหรือหัวเราะของตัวเองก็อาจจะกลายเป็นไม่กล้ายิ้ม หัวเราะ หรือพูดคุยกับคนอื่นไปเลยก็ได้ ซึ่งการทำรากฟันเทียมจะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ และก่อนที่จะไปทำรากฟันเทียม สิ่งที่ต้องรู้คือการเตรียมตัวก่อนทำรากฟันเทียม เพื่อไม่ให้ปัญหาตามมาภายหลัง
ควรทำรากฟันเทียมหรือไม่
การทำรากฟันเทียม เป็นการฝังรากเทียมเข้าไปเพื่อทดแทนฟันแท้ตามธรรมชาติที่เสียไปจากสาเหตุต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุหรือการถอนฟัน ซึ่งถือว่าเป็นวิธีการรักษาที่มีความเป็นธรรมชาติ เพราะมีตัวฟันที่ทำจากเซรามิกที่มีรูปร่างและสีเหมือนฟันแท้ ซึ่งใครที่สงสัยว่าตัวเองควรจะทำรากฟันเทียมหรือไม่ สามารถสังเกตได้จากลักษณะการใช้ชีวิตประจำวัน ดังนี้
- พฤติกรรมการรับประทานอาหาร ชอบอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีความหวานจัด หรือมีส่วนประกอบที่ให้ความหวานมากหรือไม่
- การสูบบุหรี่จัดและดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำหรือไม่
- ดูแลสุขอนามัยช่องปากและฟันอยู่เสมอหรือไม่
- มีโรคประจำตัวแต่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดีหรือไม่
- เวลามีนัดพบทันตแพทย์ สามารถไปตรงเวลาทุกครั้งหรือไม่
เนื่องจากพฤติกรรมเหล่านี้จะส่งผลต่อการทำรากฟันเทียม เพราะหากทำรากฟันเทียมมาแล้ว อาจจะเป็นอันตรายหรือมีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาต่อรากฟันเทียมที่ทำมาได้
ข้อดีของการทำรากฟันเทียม
การทำรากฟันเทียมมีข้อดีมากมาย ได้แก่
- ไม่ต้องกรอฟันข้างเคียงเพื่อเป็นหลักยึด สามารถทำการฝังรากเทียมในบริเวณที่ต้องการได้เลย
- กลับมาเคี้ยวอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับฟัน
- ทดแทนรากฟันแท้ตามธรรมชาติที่ใกล้เคียงที่สุด
- เพิ่มความมั่นใจในการยิ้มและหัวเราะ
- เสริมบุคลิกภาพในการพูดคุย
- สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้เหมือนฟันแท้ตามธรรมชาติ เพราะมีความทนทาน แข็งแรง
การเตรียมตัวก่อนทำรากฟันเทียม
การทำรากฟันเทียมเป็นการผ่าตัดรูปแบบหนึ่ง จึงต้องมีข้อปฏิบัติการเตรียมตัวก่อนทำ ดังนี้
ศึกษาข้อมูลและเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน
เนื่องจากการทำรากฟันเทียมเป็นการรักษาทันตกรรมรูปแบบหนึ่ง จึงต้องมีการศึกษาข้อมูลและรายละเอียดเกี่ยวกับการทำรากฟันเทียมก่อนตัดสินใจ และเมื่อตัดสินใจได้แล้ว ก็จะต้องเลือกคลินิกทันตกรรมที่ได้มาตรฐานและมีความน่าเชื่อถือ
(อ่านเพิ่มเติม: วิธีเลือกคลินิกทันตกรรม สำหรับรักษารากฟันเทียม)
การรับประทานอาหารและยา
เมื่อถึงวันนัดหมายให้นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารและยาที่กินเป็นประจำมาให้เรียบร้อย ไม่ควรอดอาหารและหยุดยาเอง และหากมีประวัติการแพ้ยาให้แจ้งทันตแพทย์ก่อนทุกครั้ง
ตรวจสุขภาพช่องปากอย่างละเอียด
ก่อนเข้ารับการรักษาทางทันตกรรมทุกรูปแบบ จะต้องผ่านการตรวจสุขภาพช่องปากอย่างละเอียดทุกครั้ง เพื่อป้องกันปัญหาแทรกซ้อน และตรวจสอบสภาพฟันและเหงือกในบริเวณที่ต้องการฝังรากฟันเทียม
ทำความสะอาดช่องปาก
ก่อนที่จะทำการผ่าตัดฝังรากเทียม ก็จะต้องมีการทำความสะอาดหรือเคลียร์ช่องปากให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อระหว่างการทำรากฟันเทียม จากนั้นจะทำการฉีดยาชา และเริ่มเข้าสู่กระบวนการทำรากฟันเทียม
การดูแลหลังทำรากฟันเทียม
หลังจากการทำรากฟันเทียมเรียบร้อยแล้ว จะมีวิธีการดูแลหลังทำรากฟันเทียม ดังนี้
- ประคบเย็น 24 ชั่วโมงหลังจากการผ่าตัด
- เตรียมอาหารอ่อน ๆ เคี้ยวง่าย เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม น้ำเต้าหู้ โยเกิร์ต เป็นต้น
- งดการขบเคี้ยวอย่างรุนแรง หรือกินอาหารที่แข็งและเหนียว
- งดการสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ เพราะจะทำให้แผลหายช้า หรือเกิดความเสี่ยงต่อปัญหาช่องปากอื่น ๆ ตามมาได้
- ดูแลความสะอาดของช่องปากอยู่เสมอ และควรจะดูแลมากเป็นพิเศษ
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด
บทสรุป
แม้ว่าการทำรากฟันเทียมจะไม่ได้มีขั้นตอนที่ยุ่งยากหรือซับซ้อน แต่ข้อปฏิบัติทั้งการเตรียมตัวก่อนทำรากฟันเทียมและการดูแลหลังทำรากฟันเทียมมีความสำคัญอย่างมาก เพราะจะทำให้การรักษาได้ประสิทธิภาพมากที่สุด นอกจากนี้การเลือกคลินิกทันตกรรมก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน ควรจะเลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้จริง และมีอุปกรณ์เทคโนโลยีที่ทันสมัย
สำหรับใครที่กำลังมองหาคลินิกเพื่อทำรากฟันเทียม และต้องการปรึกษาเกี่ยวกับการทำรากฟันเทียม สามารถติดต่อได้ที่ คลินิกทันตกรรมสุขสันต์สไมล์ เราเป็นคลินิกทันตกรรมที่มีบริการทางทันตกรรมครบวงจร และมีทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ในแต่ละสาขาโดยตรง